สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ชื่นชม ม.นเรศวร ในการร่วมจัดเวทีสำคัญ“นเรศวรวิจัย”ครั้งที่ 8 และการประชุมวิชาการโครงการวิจัยและพัฒนาภาครัฐร่วมเอกชนในเชิงพาณิชย์ ระดับชาติ ประจำปี 2555 และพร้อมสนับสนุนงานวิจัยเพื่อเผยแพร่ รวมทั้งการสร้างกลไกความร่วมมือ 3 ฝ่าย ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สถาบันอุดมศึกษา และภาคอุตสาหกรรม เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการต่อยอดงานวิจัยสู่เชิงพานิชย์ เตรียมพร้อมก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษากล่าวในโอกาสมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานนเรศวรวิจัย ครั้งที่ 8 และการประชุมวิชาการโครงการวิจัยและพัฒนาภาครัฐร่วมเอกชนในเชิงพาณิชย์ ระดับชาติ ประจำปี 2555 ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา บรมราชินีนาถ มหาวิทยาลัยนเรศวร ว่า ในศตวรรษที่ 21 “นวัตกรรม” เป็น สิ่งที่มีบทบาทและความสำคัญอย่างมากต่อการสร้างศักยภาพในการแข่งขัน ประเทศที่พัฒนาแล้วมักจะเพียบพร้อมไปด้วยนวัตกรรม และมีนโยบายให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมจากฐาน ความรู้ด้านต่างๆ พร้อมทั้งการสร้างความเข้มแข็งในการสร้างนวัตกรรมให้เกิดขึ้นได้ โดยผ่านกระบวนการและกลไกการวิจัยและการจัดการความรู้ในมหาวิทยาลัย หรือสถาบันการศึกษาชั้นสูง และในช่วงเวลาอีกไม่ถึง 3 ปี ต่อจากนี้ ที่เรากำลังเตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปีพุทธศักราช 2558 ซึ่งบทบาทสำคัญประการหนึ่งที่มหาวิทยาลัยจะมีส่วนสร้างความเข้มแข็งให้แก่ ประเทศ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันและอยู่ร่วมในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้ ก็คือ บทบาทในการผลักดันให้เกิดการสร้างนวัตกรรม โดยมหาวิทยาลัยควรส่งเสริมให้มีการพัฒนาโจทย์วิจัยที่นำไปสู่นวัตกรรมที่ เกิดจากความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ กระบวนการผลิตใหม่ เทคโนโลยีใหม่ หรือระบบการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากกระบวนการผลิต เป็นต้น ซึ่งในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ก็พร้อมที่จะเป็นกำลังเสริมให้แก่มหาวิทยาลัย โดยการสนับสนุนทุนอุดหนุนการวิจัยและการเผยแพร่ผลงานวิจัย รวมทั้งการสร้างกลไกความร่วมมือ 3 ฝ่าย ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สถาบันอุดมศึกษา และภาคอุตสาหกรรมซึ่งการที่มหาวิทยาลัยนเรศวรและสำนักงานคณะกรรมการการอุดม ศึกษาได้ร่วมกันจัดงานประชุมทางวิชาการในครั้งนี้ นับว่าเป็นเวทีสำคัญในการเผยแพร่ผลงานวิจัยที่เชื่อมโยงถึงผู้ประกอบการภาค อุตสาหกรรม และเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่งานวิจัยจะได้รับการพัฒนาไปเป็นนวัตกรรมและถูกนำ ไปใช้ประโยชน์ต่อยอดในเชิงพาณิชย์ต่อไป
ศ.ดร.สุจินต์ จินายน อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมทางวิชาการ “นเรศวรวิจัย” เป็นกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยนเรศวรจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้กำหนดจัดระหว่างวันที่ 28 - 29 กรกฎาคม 2555 ภายใต้หัวข้อ “นวัตกรรมความรู้สู่ประชาคมอาเซียน” เพื่อ ให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ด้านการวิจัย ระหว่างบุคลากร ทั้งในสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน หรือแม้กระทั่งบุคคลทั่วไป ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่สนใจ ตลอดจนเพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาผลงานวิจัย ตลอดจนพัฒนาองค์ความรู้และ นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบสนองยุทธศาสตร์ของการก้าวสู่การเป็นมหาวิทยาลัยวิจัย และการเป็นมหาวิทยาลัยแห่งนวัตกรรม สำหรับปีนี้ นอกจากจะมีการจัดนิทรรศการ การนำเสนอผลงานวิจัย การจัดประชุมร่วมของหน่วยงานต่างๆ เหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมาแล้ว มหาวิทยาลัยนเรศวร ในฐานะแม่ข่ายของเครือข่ายการวิจัยภาคเหนือตอนล่าง ยังได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา จัดโครงการประชุมสัมมนาทางวิชาการ “โครงการวิจัยและพัฒนาภาครัฐร่วมเอกชนในเชิงพาณิชย์ ระดับชาติ ประจำปี 2555”ขึ้น พร้อมกันอีกงานหนึ่ง เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการนำองค์ความรู้จากสถาบันอุดมศึกษามาวิจัย และพัฒนาร่วมกับกลุ่มของภาคอุตสาหกรรมที่เป็นแหล่งทุนและวัตถุดิบที่มี ศักยภาพสูงในการแข่งขัน นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมให้มีการนำทรัพย์สินทางปัญญาไปใช้ประโยชน์ใน เชิงพาณิชย์ได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะเป็นการยกระดับคุณภาพงานวิจัยให้สูงขึ้น ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ ทั้งในระดับประเทศ และในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนต่อไป
Copyright © Faculty of Engineering Naresuan University. All rights reserved.