โครงการเสวนาวิชาการด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม กฎหมาย และสังคม เพื่อเตรียมความพร้อมการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
หัวข้อ
“การฟื้นฟูชีวิตและลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนสารตะกั่ว: สถานการณ์ปัจจุบันและบทเรียนจากต่างประเทศ
สู่การจัดการที่เหมาะสมกับประเทศไทย และประเทศในภูมิภาคอาเซียน”
1. หลักการและเหตุผล
กรณีการลักลอบปล่อยหางแร่ปนเปื้อนสารตะกั่วลงลำห้วยคลิตี้ทำให้เกิดการปนเปื้อนในลำห้วยยาวกว่า 19 กิโลเมตร เป็นกรณีการปนเปื้อนสารอันตรายในระบบนิเวศที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของชุมชนกระเหรี่ยงที่เป็นที่รับรู้ของสังคมไทยมานานกว่า 16 ปี ในปัจจุบันกรมควบคุมมลพิษได้รับมอบหมายจากศาลปกครองให้ดำเนินการฟื้นฟูลำห้วยให้กลับมาใช้งานได้โดยปลอดภัยต่อชุมชนอีกครั้ง และกำลังอยู่ในขั้นการดำเนินการฟื้นฟูให้เสร็จสิ้นใน 3 ปี อย่างไรก็ดีนอกจากการฟื้นฟูการปนเปื้อนแล้วการฟื้นคืนวิถีชีวิตชุมชนของชาวคลิตี้ล่างที่ได้รับผลกระทบจากการปนเปื้อนสารตะกั่วก็สำคัญไม่แพ้กัน งานวิจัยสหสาขาวิชาด้านการจัดการพื้นที่ปนเปื้อนสารอันตราย กฎหมายสิ่งแวดล้อม และการฟื้นฟูวิถีชีวิตชุมชนจึงเป็นงานวิจัยที่สำคัญต่อการแก้ปัญหากรณีคลิตี้ อันเป็นกรณีตัวอย่างการฟื้นฟูพื้นที่ปนเปื้อนกรณีแรกของประเทศไทย ด้วยเหตุนี้การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านงานวิจัยและการจัดการพื้นที่ปนเปื้อนในภาคสนามระหว่างประเทศไทยกับประเทศที่มีประสบการณ์ในการจัดการพื้นที่ปนเปื้อนมาก่อนหน้าอย่างประเทศสหรัฐอเมริกา และ ประเทศไต้หวัน จึงจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาทางวิชาการและการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ในการจัดการลำห้วยและตะกอนท้องน้ำปนเปื้อนสารอันตรายอย่างเหมาะสมกับประเทศไทยและประเทศในภูมิภาคอาเซียน อันเป็นโจทย์ที่ท้าทายการทำงานในประเทศไทยและภูมิภาคอสเซียนปัจจุบัน
ด้วยเหตุนี้ สถานความเป็นเลิศเพื่อความยั่งยืนด้านสุขภาวะ สิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรม และ หน่วยวิจัยเชิงบูรณาการด้านการฟื้นฟูพื้นที่ปนเปื้อนและการนำทรัพยากรธรรมชาติกลับมาใช้ใหม่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ในฐานะสถานวิจัยของมหาวิทยาลัยที่เน้นการวิจัยการจัดการทรัพยากรธรรมชาติปนเปื้อนสารอันตรายจนเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ และได้มีส่วนร่วมกับภาคประชาสังคมในการติดตามการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้อย่างต่อเนื่อง จึงร่วมมือกับสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัย Carnegie Mellon ประเทศสหรัฐอเมริกา และมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม และบริษัท TESC ไต้หวัน เป็นเจ้าภาพร่วมกันเพื่อจัดเวทีเสวนาสหสาขาวิชาการ หัวข้อ “การฟื้นฟูชีวิตและลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนสารตะกั่ว: สถานการณ์ปัจจุบันและบทเรียนจากต่างประเทศ สู่การจัดการที่เหมาะสมกับประเทศไทยและประเทศในภูมิภาคอาเซียน” เพื่อสร้างโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ข้อมูลทางวิชาการ ระหว่างภาคส่วนต่างๆที่ร่วมกันฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ และวิถีชีวิตของชุมชน อันจะนำมาสู่การทำงานวิจัยร่วมกันในเชิงปฏิบัติเพื่อนำมาสู่ความสำเร็จในการแก้ไขกรณีปนเปื้อนที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสมในประเทศไทยและประเทศในภูมิภาคอาเซียน
2. วัตถุประสงค์
2.1 เพื่อสร้างเสริมกระบวนการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ข้อมูลวิชาการและประสบการณ์การวิจัยในด้าน การฟื้นฟูลำห้วยและตะกอนท้องน้ำปนเปื้อนสารอันตรายจากประสบการณ์ของประเทศไทย ประเทศสหรัฐอเมริกา ไต้หวัน และไทย
2.2 เพื่อก่อให้เกิดการบูรณาการงานวิจัย รวมทั้งการต่อยอดองค์ความรู้เพื่อเป็นแนวทางการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ของภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ในการจัดการในพื้นที่ปนเปื้อนสารอันตรายอย่างเหมาะสมกับประเทศไทยและประเทศในภูมิภาคอาเซียน
2.3 เพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิด แนวทางและประสบการณ์การทำงานด้านการฟื้นฟูชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ปนเปื้อนสารอันตราย ระหว่าง ไทยและนานาประเทศ
3. ขอบเขตเนื้อหา/วิธีการดำเนินการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้
การจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประกอบด้วยการอภิปรายในหัวข้อต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้มีการสอบถาม และเสนอข้อคิดเห็นในประเด็นที่เกี่ยวข้อง ดังมีรายละเอียดขอบเขตเนื้อหา ดังนี้
(1) การอภิปรายเพื่อนำเสนอองค์ความรู้ ข้อมูลวิชาการ และประสบการณ์การวิจัยตามร่างกำหนดการดังแนบ
(2) การซักถามและอภิปลายในลักษณะ Open Discussion เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ องค์ความรู้ในด้านต่างๆ และข้อเสนอแนะที่เกี่ยวข้อง ระหว่างผู้เข้าร่วมเวทีโดยมีผู้ดำเนินรายการ กระตุ้นและสร้างบรรยากาศให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
6. ระยะเวลาดำเนินการ
วันที่ 24-25 กรกฎาคม 2557 ณ อาคารเอกาทศรถ มหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลก
7. หน่วยงานรับผิดชอบ
สถานความเป็นเลิศเพื่อความยั่งยืนด้านสุขภาวะ สิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
หน่วยวิจัยเชิงบูรณาการด้านการฟื้นฟูพื้นที่ปนเปื้อนและการนำทรัพยากรธรรมชาติกลับมาใช้ใหม่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
สถาบันวิจัยสังคมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ
มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม
บริษัท TESC ไต้หวัน
รายละเอียดเอกสารเพิ่มเติม